กิจกรรมสร้างสรรค์ (ลำดับที่ 376) พระธรรมเทศนาสมโภชผ้าพระกฐิน เรื่อง "ความเป็นมา อานิสงส์กฐิน และศาสนธรรม" พระมหาดุสิต ญาณภูสิโต ปธ.๙ วัดไทยลอสแองเจลิส
ประมวลภาพบรรยากาศงานถวายผ้าพระกฐิน (2) วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2564 “งานสมโภชผ้าพระกฐิน” สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก โดย นางนุชนาฏ อุงอำรุง รองนายกสมาคมไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้ คุณวรินทร์ทิพย์ แจ้งดี นายกสมาคมไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้ และ คุณไปรยา ลุนด์เบิร์ก ทูตสันถวไมตรี สำนักงานข้าหลวงใหญ่ องค์การสหประชาชาติ
……………………………………..
วัดไทยสุชาดาธรรมจาริกสังฆวิหาร เมืองซันวัลเล่ย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
วันเสาร์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
………………………………………
เวลา ๑๑.๐๐ น. สาธุชนผู้มีเกียรติ อุบาสก อุบาสิกา พร้อมกัน ณ วิหาร บำเพ็ญกุศลถวายภัตตาหารเพล
เวลา ๑๒.๓๐ น.นางนุชนาฏ อุงอำรุง รองนายกสมาคมไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้ ประธานในพิธี สมโภชผ้าพระกฐิน เปิดกรวยกระทงดอกไม้ กราบทำความเคารพพระรูปสมเด็จพระสังฆราช ๓ ครั้ง
ขับสรภัญญะอานิสงส์กฐิน โดย มัคนายิกา ลำไย แสนวัง
ประธาน จุดธูป เทียน บูชาพระรัตนตรัย กราบ 3 ครั้ง
มัคนายกนำไหว้พระ อาราธนาศีล ประธานสงฆ์ให้ศีล
มัคนายกอาราธนาธรรม
พระมหาดุสิต ญาณภูสิโต ปธ.๙ แสดงพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์
มัคนายกนำไหว้พระ อาราธนาพระปริตร
พระสงฆ์ ๑๒ รูป เจริญพระพุทธมนต์
เจ้าหน้าที่เทียบเครื่องไทยธรรม ผู้ร่วมพิธี ประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์
คุณไปรยา ลุนด์เบิร์ก ทูตสันถวไมตรี สำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติ พร้อมด้วยนายอุเทพ นางกนกวรรณชิดชม ถวายฆ้องมงคล
พระสงฆ์ทั้งหมด ถวายอนุโมทนา
ประธานกรวดน้ำ รับพร
กราบพระรัตนตรัย กราบลาพระสงฆ์ เป็นเสร็จพิธี
…………………………………….
พระธรรมเทศนาหัวข้อเรื่อง ความเป็นมา อานิสงส์กฐิน และศาสนธรรม
พระมหาดุสิต ญาณภูสิโต ปธ.๙ วัดไทยลอสแองเจลิส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส นโม ตสฺส, ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, นโม ตสฺส ภควโต, อรหโต สมฺมา, สมฺพุทฺธสฺส. ว่า ๓ จบ
กาเล ทะทันติ สะปัญญา วะทัญญู วีตะมัจฉะรา
กาเลนะ ทินนัง อะริเยสุ อุชุภูเตสุ ตาทิสุ
วิปปะสันนะมะนา ตัสสะ วิปุลา โหติ ทักขิณา....ติฯ
บัดนี้ จักแสดงพระธรรมเทศนา พรรณนาศาสนธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสานา เพื่อเป็นเครื่องประดับ สติปัญญา เพิ่มพูนกำลังศรัทธาปสาทะความเลื่อมใสสัมมาปฏิบัติ เสริมสร้างปัญญาบารมีเพื่อความเป็นพหูสูตรผู้ฟังมากแก่ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย ซึ่งกำลังน้อมรับฟังพระธรรมเทศนา ณ กาลบัดนี้ พอสมควรแก่เวลา
ด้วยนิกเขปบทยกขึ้นเบื้องต้นมีใจความว่า ทายกเหล่าใด มีปัญญา มีปกติรู้เจรจา ปราศจากความตระหนี่ มีใจเลื่อมใสในพระอริยบุคคล ผู้ซื่อตรง ผู้คงที่ บริจาคถวายทานตามกาลสมัยนิยม ทักษิณาของทายกนั้น เป็นทักษิณามีผลไพบูลย์....แลฯ อันเป็นการพรรณนาอานิสงส์แห่งการถวายทานตามกาลสมัยนิยม สืบเนื่องในโอกาสที่ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทรงโปรดประทานผ้าพระกฐินให้ นางนุชนาฏ อุงอำรุง รองนายกสมาคมไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้ ได้รับเกียรติเป็นประธานเชิญผ้าพระกฐินมาทอดถวายแก่ภิกษุผู้จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ วัดไทยสุชาดาธรรมจาริกสังฆวิหารแห่งนี้ วัดไทยสุชาดาธรรมจาริกสังฆวิหาร แม้จะเป็นวัดใหม่ก่อรูปร่างสร้างขึ้นมาเพียงพรรษากาลแรก แต่ก็มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษา ครบองค์กฐินสามารถรับกฐินได้ถูกต้องตามหลักพระวินัยแห่งพระบรมพุทธานุญาต ด้วยเหตุฉะนี้ ความทราบถึงองค์สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก จึงทรงมีพระเมตตาโปรดประทานผ้าพระกฐินให้ นางนุชนาฏ อุงอำรุง ได้เชิญมาทอดถวายในกาลกฐินทานในครั้งนี้ เหล่าคณะศรัทธาสาธุชนอุบาสกอุบาสิกา คณะทำงานโครงการสร้างวัดไทยสุชาดาธรรมจาริกสังฆวิหาร ต่างมีความปลาบปลื้มปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง จึงพร้อมใจกันเฉลิมฉลองสมโภชองค์ผ้าพระกฐิน เพื่อจะได้น้อมนำทอดถวายแด่พระสงฆ์ผู้จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ อาวาสแห่งนี้ และเพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนแรงศรัทธาของพุทธบริษัททั้งหลาย จักได้พรรณนาความเป็นมา อานิสงส์แห่งกฐินทาน และศาสนธรรมประกอบเป็นลำดับต่อไป
ดำเนินความว่า ในสมัยพุทธกาล ภิกษุชาวเมืองปาไฐยรัฐจำนวน ๓๐ รูป ประสงค์จะเดินทางมาเฝ้าพระบรมศาสดา แต่ไม่ทันวันเข้าพรรษา จึงกำหนดจำพรรษาเป็นเวลา ๓ เดือน ณ เมืองสาเกตุซึ่งอยู่ระหว่างทาง ครั้นออกพรรษาแล้ว ภิกษุเหล่านั้น จึงเดินทางเพื่อเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก ผ้านุ่ง ผ้าห่ม ขาดรุ่งริ่ง เปียกปอน ชุ่มไปด้วยน้ำ ต่างก็เปรอะเปื้อนเปียกปอนไปด้วยโคลนตม เนื่องจากมีฝนตกชุก เพราะหนทางชุ่มไปด้วยน้ำ โคลนและตม แต่ก็ยังบากบั่นลุยน้ำโคลนตมไปจนกระทั่งถึงกรุงสาวัตถี พระบรมศาสดาตรัสถามถึงความเป็นอยู่และความลำบากในการเดินทาง ภิกษุเหล่านั้นจึงกราบทูลให้ทรงทราบ จากนั้นพระองค์ทรงมีพระบรมพุทธานุญาตให้มีการถวายผ้ากฐินแก่ภิกษุผู้จำพรรษากาลครบถ้วนไตรมาส โดยกำหนดระยะเวลานับจากวันออกพรรษาตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ เป็นระยะเวลา ๑ เดือน การทอดกฐินนั้น จึงได้ชื่อว่าเป็นกาลทาน หมายถึง ทานที่มีขอบเขตจำกัดตามกาลนั่นเอง
ความหมายของ “กฐิน” นั้น มีความหมายเกี่ยวเนื่องกัน ๓ ประการ
๑. กฐินเป็นชื่อของกรอบไม้ อันเป็นแม่แบบสำหรับทำจีวร หรือเรียกว่า "สะดึง" ในสมัยพุทธกาลนั้นพระสงฆ์จะช่วยกันทำผ้านุ่ง ผ้าห่ม โดยอาศัยแม่แบบสะดึงนี้ เมื่อทำเสร็จและพ้นกำหนดกาลแล้ว จะรื้อไม้แม่แบบเก็บไว้ใช้ในปีต่อๆ ไป การรื้อไม้แม่แบบเพื่อเก็บไว้ใช้ในโอกาสหน้านี้เรียกว่า "เดาะ" หรือ "กฐินเดาะ" หรือเดาะกฐินก็เรียก นั่นหมายถึง “กรอบไม้สะดึงหัก หรือ ไม้สะดึงไม่สามารถใช้ทำจีวรได้อีกต่อไป” ดังนั้น คำว่า “กฐินเดาะ” ยังใช้เป็นศัพท์เปรียบเปรยในวินัยสงฆ์ หากการทอดกฐินไม่เป็นผลสำเร็จหรือไม่ถูกต้องตามหลักพระวินัย โดยมีเหตุแห่งกฐินเดาะหลายประการด้วยกัน แต่จะได้กล่าวเพียงย่อๆ เกี่ยวกับผู้ทอดกฐินเท่านั้น คือ การทอดกฐินวัดแห่งเดียว แต่แยกกันเป็นเจ้าภาพหลายเจ้าภาพไม่รวมเป็นคณะเดียวกัน ถือว่าเป็น กฐินเดาะ การทอดกฐินที่เจ้าภาพไม่ได้ปวารณา ถือว่า เป็นกฐินเดาะ เป็นต้น
๒. กฐินเป็นชื่อบุญกิริยาและเป็นชื่อของผ้าที่ถวายแก่สงฆ์เพื่อทำจีวรตามแบบหรือกรอบไม้นั้น และต้องถวายตามกำหนดเวลา ๑ เดือน ผู้ถวายจะเป็นคฤหัสถ์หรือภิกษุ สามเณรก็ได้ ถวายแก่สงฆ์แล้วเป็นอันใช้ได้ ส่วนผ้ากฐินในสมัยปัจจุบันนี้ได้ปรับเปลี่ยนตามกาลสมัย เมื่อถึงคราสมัยภิกษุสงฆ์ไม่จำต้องทำจีวรด้วยตนเอง เจ้าภาพจึงจัดหามาทอดถวายเองในกำหนด ๑ เดือน หลังออกพรรษา
๓. กฐินเป็นชื่อของสังฆกรรม คือ กิจกรรมของสงฆ์ที่จะต้องมีการสวดประกาศขอรับความเห็นชอบจากที่ประชุมสงฆ์ ในการมอบผ้ากฐินให้แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ผู้กอรปด้วยศีลสุตาธิคุณ มีสติปัญญาสามารถรู้ธรรม ๘ ประการ มีบุพพกรเป็นต้น พระภิกษุรูปนั้นจึงสมควรเพื่อกระทำกฐินนัตถารกิจนี้ได้ตามพระบรมพุทธานุญาต
ส่วนประเภทของกฐินนั้น แยกออกเป็นสองประเภทใหญ่ คือ กฐินหลวง และกฐินราษฎร์ กฐินหลวงเป็นกฐินที่พระเจ้าแผ่นดินผู้ปกครองบ้านเมืองทรงรับเป็นพระราชพิธี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ตามวัดต่างๆ ส่วนวัดที่ถวายนั้น จะเป็นวัดใดก็ได้ แต่ครั้นสมัยต่อมากฐินหลวงได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามภาวะการณ์ของบ้านเมือง เช่น ประชาชนมีศรัทธา เจริญรอยตามพระราชศรัทธาของพระเจ้าแผ่นดิน และได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้ถวายผ้าพระกฐินตามควรแก่ฐานะ กฐินหลวงปัจจุบันนี้จึงได้แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้
กฐินกำหนดเป็นพระราชพิธี โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐินด้วยพระองค์เอง หรือทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ หรือองคมนตรีเป็นผู้แทนพระองค์นำไปถวายเป็นประจำ ณ วัดที่สำคัญ ปัจจุบันมีด้วยกัน ๑๖ วัด เช่น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามและวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นต้น
กฐินต้น เป็นกฐินที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดที่มิใช่วัดหลวง และมิได้เสด็จไปอย่างเป็นทางการ อย่างเป็นพระราชพิธี แต่เป็นการบำเพ็ญพระราชกุศลส่วนพระองค์เอง
กฐินพระราชทาน เป็นกฐินที่พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานผ้าของหลวงแก่ผู้ที่กราบบังคมทูลขอพระราชทานไปถวายยังวัดหลวงต่างๆ ที่นอกเหนือไปจากวัดสำคัญ ๑๖ วัดดังที่กำหนดไว้ ผู้ที่จะรับพระราชทานผ้าพระกฐินไปถวาย ณ วัดหลวง วัดใดนั้น ต้องติดต่อไปยังกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ตามระเบียบเพื่อจองไว้ก่อน
กฐินราษฎร์ เป็นกฐินที่ราษฎรประชาชนทั่วไป ผู้มีศรัทธาจองกฐินและนำผ้ากฐินของตนไปทอดถวายตามวัดต่างๆ ที่จองไว้แล้ว
จุลกฐิน เป็นกฐินที่ต้องทำด้วยความรีบเร่ง หรือเดิมเรียกว่า กฐินแล่น เจ้าภาพที่จะทอดกฐินเช่นนี้ได้ ต้องมีพรรคพวกและกำลังมาก เพราะต้องเริ่มตั้งแต่ปั่นฝ้ายเป็นด้าย ทอด้ายให้เป็นผ้า ตัดผ้า และเย็บผ้าเป็นจีวร ย้อมสี และต้องทอดภายในวันนั้น ส่วนพระสงฆ์เองก็ต้องกรานและอนุโมทนาให้เสร็จในวันนั้นด้วย เรียกว่า เป็นกฐินที่ต้องทำทุกอย่างให้เสร็จภายในวันเดียว
กฐินสามัคคี เป็นกฐินที่มีเจ้าภาพหลายคนรวมกันเป็นหมู่คณะ ร่วมกันทำบุญถวายวัดใดวันหนึ่งเป็นหนึ่งเดียว เนื่องจากไม่มีเจ้าภาพใดจองเป็นเฉพาะบุคคลไว้
ส่วนกฐินประเภทอื่น เช่น กฐินตกค้าง หรือ กฐินโจร เป็นการทอดกฐินที่ไม่ได้แจ้งให้ทางวัดทราบล่วงหน้า รีบจู่โจมทอดถวายทันทีคล้ายกิริยาโจรบุก กล่าวคือในท้องถิ่นที่มีวัดมากๆ อาจจะมีวัดตกค้างไม่มีใครไปทอดกฐิน จึงมีผู้มีจิตศรัทธาเสาะหาวัดนั้น แล้วนำผ้ากฐินไปทอดให้ทันวันกำหนด ซึ่งมักจะเป็นช่วงวันใกล้สิ้นเทศกาลกฐินหรือวันสุดท้าย จึงเรียกว่า กฐินตกค้าง หรืออาจเรียกว่า กฐินโจร
ความสำคัญของกฐินนี้ เนื่องจากหนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียว แต่ละวัดสามารถรับกฐินได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น จึงจำกัดประเภททาน และต้องถวายเป็นสังฆทานเท่านั้น จะถวายเฉพาะเจาะจงภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเหมือนทานอย่างอื่นไม่ได้ จำกัดเวลา คือ ต้องถวายภายในระยะเวลา ๑ เดือน นับแต่วันออกพรรษาเป็นต้นไป จำกัดงาน คือ พระภิกษุที่กรานกฐิน ต้องตัด เย็บ ย้อม และครองให้เสร็จภายในวันที่กรานกฐิน จำกัดไทยธรรม คือ ผ้าที่นำมาถวาย ต้องถูกต้องตามลักษณะแห่งพระวินัยกำหนดไว้ จำกัดผู้รับ คือ พระภิกษุผู้รับกฐิน ต้องเป็นผู้อยู่จำพรรษาในวัดนั้นโดยไม่ขาดพรรษา และวัดนั้นต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า ๕ รูป จำกัดคราว คือ วัดๆ หนึ่ง รับกฐินได้เพียงปีละ ๑ ครั้งเท่านั้น
การทอดกฐินเป็นพระบรมพุทธานุญาต ทานอย่างอื่นทายกทูลขอให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุญาตก่อน เช่น มหาอุบาสิกาวิสาขา ทูลขออนุญาตถวายผ้าอาบน้ำฝน เป็นต้น แต่ผ้ากฐินนี้พระองค์ทรงอนุญาตเอง จึงนับได้ว่า ได้อานิสงส์มากทั้งในปัจจุบันและสัมปรายภพภายภาคหน้า ปัจจุบันที่ประจักษ์เฉพาะหน้า คือ ได้รับการยกย่อง ยอมรับ นับถือ จากสาธุชนคนดีทั่วไป มีความบันเทิง เบิกบานใจ แวดล้อมไปด้วยบริวาร ส่วนอานิสงส์ในสัมปรายภพนั้น หลังจากละโลกนี้แล้ว จะได้เกิดในตระกูลที่ดี มีสัมมาทิฐิ มีความงดงามสมส่วนแห่งลักษณะ มีผิวพรรณงดงามผ่องใส มีโภคทรัพย์สมบัติและบริวารสมบัติมากมาย ไม่ลำบากในการแสวงหาทรัพย์ เมื่อละโลกนี้ไปแล้ว ย่อมบังเกิดในสรวงสวรรค์ และอานิสงส์แห่งกฐินทานนี้ พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า ผู้ใดสร้างกฐินให้เป็นทานก็จักได้อานิสงส์ ๘๐ กัลป์
แม้ท่านสาธุชนทั้งหลายผู้ไม่ได้เป็นประธานเจ้าภาพถวายผ้ากฐิน ด้วยเหตุแห่งทรัพย์นั้นไม่มากพอ ก็อย่าพึงเศร้าหมองน้อยใจในทานของตน แม้การชักชวนผู้อื่นให้เป็นเจ้าภาพหรือร่วมทำบุญก็มีอานิสงส์มากเช่นกัน ดังปรากฏในนรชีวกฐินทานชาดกว่า พระบรมศาสดาทรงประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภกฐินทานแห่งพระเจ้าปเสนทิโกศล ตรัสธรรมเทศนานี้ว่า เย ชนา สุขมิจฺฉนฺตาฯ บุคคลเหล่าใดปรารถนาหาความสุขนั้น ได้ถวายผ้ากฐินจีวรไว้ บุคคลเหล่านั้นจะพ้นจากความทุกข์ เมื่อละโลกนี้ไปแล้ว ก็ย่อมจะถึงความสุขในหมู่เทวดาและมนุษย์ และจะไม่ไปเกิดในอบายภูมิมีนรกเป็นต้น นี้เป็นผลแห่งกฐินทาน ความมีเพิ่มเติมว่า คราวเมื่อถึงฤดูฝน ฝ่ายพระเจ้าปเสนทิโกศล มีรับสั่งให้พนักงานเภรีเอากลองไปตีป่าวประกาศร้องทั่วพระนครว่า ดูกรชาวนครทั้งหลายผู้เจริญ ท่านทั้งหลายจงช่วยกันปรนนิบัติพระภิกษุซึ่งจำพรรษาในระหว่างไตรมาส ด้วยจตุปัจจัยตามที่ได้มา ส่วนพระองค์ทรงนิมนต์พระกัจจายนเถระ ให้มาจำพรรษาเป็นประธานสงฆ์ในพระอาราม ครั้นสิ้นไตรมาสแล้วทรงซื้อผ้าขาวบริสุทธิ์ผืนหนึ่ง เพื่อจะถวายเป็นผ้ากฐิน จึงเตรียมเครื่องอุปกรณ์มีเข็มเย็บผ้าเป็นต้น และรับสั่งให้จัดแจงเครื่องบริโภคมียาคูและภัตรเป็นต้น พร้อมให้ปริชนขนเครื่องสักการะมีประทีป ธูป และคันธมาลาเป็นอาทิแล้วนำผ้าผืนนั้นไปยังพระวิหารมอบถวายเป็นกฐินจีวรแก่พระภิกษุสงฆ์มีพระกัจจายนะเป็นประมุข หลังจากนั้น พระภิกษุสงฆ์ประชุมกัน เปล่งกรรมวาจา มอบให้พระกัจจายนเถระเพื่อครองและกรานผ้ากฐิน พระกัจจายนเถระรับผ้านั้นไว้ จึงฉีกและย้อมพร้อมเสร็จในวันนั้น แล้วทำกัปปพินทุ ถอนผ้าจีวรเก่า อธิษฐานผ้าใหม่ ห่มออกมานั่งอยู่ บนอลังกตะมัญจะอาสนะ ครั้นถวายทานเสร็จแล้ว พระเจ้าปเสนทิโกศลกับราชบริษัท บังเกิดโสมนันสยิ่ง จึงอาราธนาพระเถระแสดงธรรมแก่พระองค์และมหาชน เมื่อจบพระธรรมเทศนาลง ราชบริษัททั้งปวงได้บรรลุมรรคผลมีพระโสตาปัตติผลเป็นต้น เว้นแต่พระเจ้าปเสนทิโกศลมิได้บรรลุอัครธรรมใดๆ เพราะพระองค์ทรงปรารถนาเฉพาะพระโพธิญาณไว้จะได้บรรลุธรรมเป็นพระธรรมราชาสัมพุทธเจ้า องค์ที่สามแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตวงศ์
ครั้นพระบรมศาสดาทราบเหตุแห่งการถวายกฐินของพระเจ้าปเสนทิโกศล และการมีส่วนร่วมบุญในกฐินทานนี้ จึงปรารภถึงกาลก่อน เมื่อครั้งพระตถาคตเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ ได้ชักชวนเจ้านายผู้เป็นกุฎุมพี ให้ถวายผ้ากฐินแก่พระภิกษุสงฆ์มีพระปทุมุตรสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน จึงเป็นผลานิสงส์ได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณในกาลบัดนี้ โดยได้ทรงนำอดีตนิทานมาตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในอดีตกาล พระราชาพระนามว่าอานันทะ ครองราชสมบัติอยู่ในนครหงสาวดี ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ได้อุบัติในตระกูลคนเข็ญใจ มีนามว่า นรชีวะ พระโพธิสัตว์เที่ยวทำการรับจ้างคนอื่นเลี้ยงชีพเพื่อเลี้ยงดูมารดา เที่ยวรับจ้างไปถึงหมู่บ้านตำบลหนึ่งจึงได้รับจ้างเฝ้าไร่ข้าวของกุฎุมพี และอาศัยอยู่ที่บ้านของกุฎุมพีนั้น ครั้นเกิดความคุ้นเคยกันแล้ว จึงได้ตักเตือนกุฎุมพีผู้เป็นเจ้านายว่า คนมั่งคั่งมีทรัพย์มากเสมือนตัวท่าน ทานอันใดมีผลมาก ท่านควรบริจาคทานนั้นไว้ในพระศาสนาของพระปทุมุตรสัมพุทธเจ้าเถิด ฝ่ายกุฎุมพีผู้เป็นเจ้านายได้ฟังคำของพระโพธิสัตว์นั้นแล้ว จึงใคร่จะถวายผ้ากฐินทาน จึงจัดหาเครื่องสมณบริขารอันสมควรแก่พระภิกษุสงฆ์มีฟูกหมอนเป็นต้น แล้วช่วยกันขนเครื่องกฐินออกไปยังสำนักของพระปทุมุตตรสัมพุทธเจ้า เมื่อถวายเป็นกฐินทานเสร็จแล้ว ฝ่ายนรชีวะจึงหมอบลงแทบบาทมูลแห่งพระปทุมุตตรสัมพุทธเจ้า แล้วกระทำความปรารถนาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ด้วยกุศลผลบุญที่ข้าพระองค์ได้ชักนำกุฎุมพีให้ถวายผ้ากฐินนี้ ขอให้ข้าพระองค์เป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในกาลภายหน้าเถิด แม้ข้าพระองค์ยังไม่ไปถึงความเป็นพระพุทธเจ้าตราบใด ขึ้นชื่อว่าความเข็ญใจอย่าได้มีแก่ข้าพระองค์เลย ลำดับนั้น พระปทุมุตตรสัมพุทธเจ้า ทรงพยากรณ์แก่นรชีวะนั้นว่า ด้วยผลแห่งกฐินทานนี้ ท่านจักเป็นพระศากยมุนีในอนาคตกาล ความหวังของท่านจักสำเร็จสมปรารถนาแล
นี้เป็นอานิสงส์แห่งกฐินทานและการมีส่วนร่วมบุญในการถวายกฐิน เพราะผู้ถวายผ้ากฐินและผู้ร่วมทำบุญ ล้วนดำรงตนอยู่ในการทำบุญที่เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ หรือวัตถุอันเป็นที่ตั้งแห่งทำบุญ ๓ ประการ คือ ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล และภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา
ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน หมายถึง การแบ่งปันสิ่งของๆ ตนแก่คนที่ควรให้ ไม่เลือกว่าจะเป็นบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ ทานจะประณีตหรือเศร้าหมองนั้นขึ้นอยู่ที่สัทธาจิตของผู้ให้ทาน ไม่ใช่ขึ้นอยู่ที่วัตถุทานหรือไทยทาน เพราะวัตถุทานของคนจนก็ประณีตอย่างของคนจน วัตถุทานของคนรวยก็ประณีตอย่างของคนรวย ถ้าสัทธาจิตประณีตจึงนับว่าประณีตโดยทั้งปวง ทานจะมีอานิสงส์มาก หรือไม่มีอานิสงส์เลยนั้น ขึ้นอยู่กับการวางจิตของตน ดังปรากฏในทานสูตรว่า ผู้ยังมีความหวังให้ทาน มีจิตผูกพันในผลแห่งทาน มุ่งการสั่งสมให้ทาน ให้ทานด้วยคิดว่า เราตายไปจักได้เสวยผลทานนี้ เมื่อตายไปจะเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นจาตุมมหาราชิกา ผู้ให้ทานด้วยคิดว่าทานเป็นการดี เมื่อตายไปจะเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดาวดึงส์ ผู้ให้ทานด้วยคิดว่าบิดามารดาปู่ย่าตายายเคยให้ทาน เคยทำมา เราควรทำตามไม่ควรทำให้เสียประเพณี เมื่อตายไปจะเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นยามา ผู้ให้ทานด้วยคิดว่า เราหุงหากินเองได้ สมณะและพราหมณ์เหล่านี้ ไม่ได้หุงหากินเอง เมื่อเราหุงหากินได้ เราจึงควรให้ทานแก่สมณะหรือพราหมณ์ เมื่อตายไปจะเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดุสิต ผู้ให้ทานด้วยคิดว่า เราจักเป็นผู้จำแนกแจกจ่ายทานเหมือนฤาษีแต่ครั้งก่อน เมื่อตายไปจะเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นนิมมานรดี ผู้ให้ทานด้วยคิดว่า เมื่อเราให้ทานอย่างนี้ จิตจะเลื่อมใส เกิดความปลื้มใจและโสมนัส เมื่อตายไปจะเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัสดี ผู้ให้ทานเป็นเครื่องปรุงแต่งจิต เมื่อตายไปจะเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นพรหม สิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศหมดความเป็นใหญ่แล้ว เป็นผู้ไม่ต้องกลับมา คือไม่มาสู่ความเป็นมนุษย์อย่างนี้อีก นี้แลเป็นเหตุปัจจัยเป็นเครื่องให้ทาน ให้แล้ว มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก แตกต่างกัน
ทานมัยบุญสำเร็จด้วยการบริจาคทานนี้ เมื่อบำเพ็ญได้บริบูรณ์ตามลักษณะอย่างแท้จริง กำจัดความเห็นแก่ตัว มุ่งอนุเคราะห์สงเคราะห์ด้วยน้ำใจบริสุทธิ์จริงๆ แล้ว ยิ่งให้ ยิ่งรวย ยิ่งให้ ยิ่งไม่รู้จักหมด ยิ่งให้ของดี ยิ่งได้รับของดีเพิ่มยิ่งขึ้นเป็นผลตอบแทนกลับมา จะร่ำรวยด้วยทรัพย์สินศฤงคาร มีบริวารบ้านเรือน เฉลิมเกียรติศักดิ์ และเกียรติคุณ มีบุญนำพา อำนาจวาสนาส่ง มีคนยกหน้าถือตา มีคนให้ความเคารพนับถือ เพิ่มผลไพบูลย์ยิ่งขึ้นตลอดไป
สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล หมายเอาบทบัญญัติว่าเป็นข้อห้ามด้วยศีล คือ ห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามลักทรัพย์ ห้ามประพฤติผิดในกาม ห้ามพูดปด ห้ามดื่มสุราเมรัยเครื่องของมึนเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
การกำหนดด้วยข้อห้ามบัญญัติไว้นี้ ก็เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานแห่งการกระทำความดี โดยยึดข้อบัญญัติไว้เป็นความตั้งใจทำความดี มีสติรอบคอบ คอยระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดล่วงละเมิดตลอดเวลา จึงได้ชื่อว่างดเว้นจากการประพฤติชั่วโดยประการทั้งปวง การรักษาศีลนั้น พึงมีเจตนางดเว้นตลอดไป ประพฤติจนเป็นอาการธรรมดาประจำนิสัย หรือประพฤติให้เป็นปกติ กล่าวคือทำความดีจนมีความดีอยู่เป็นปกติประจำนิสัยและอัธยาศัยของตน จึงจัดว่าเป็นบุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล
ภาวนามัย บุญสำเร็จได้ด้วยการเจริญภาวนา อันหมายถึง การอบรมความดีให้มีขึ้นในจิตใจ อบรมใจให้มีความสงบ จัดเป็น ๒ ลักษณะ เรียกว่า สมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา ที่เรียกสมถภาวนา คือ อบรมใจให้สงบ ระงับ จนนิวรณ์ทั้งห้าสงบจากอารมณ์ ด้วยการเจริญพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ และสังฆานุสสติ เป็นต้น ยึดสภาวะธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งโดยไม่เกี่ยวกับปัญญา ยึดเป็นเพียงอุบายให้อารมณ์สงบโดยธรรมเท่านั้น หรือเรียกว่า อุบายเป็นเครื่องอบรมใจให้สงบ ส่วนวิปัสสนาภาวนา เป็นการปฏิบัติยกจิตให้สูงกว่านั้น มุ่งความละเอียดกว่า เป็นภาวนาเกี่ยวกับปัญญา น้อมใจอันสงบจากนิวรณ์เป็นต้นนั้น ปรารภความจริงแห่งสภาพสังขารทั้งปวง ล้วนตกอยู่ในความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ทนยาก ไม่ใช่ตัวตน จนก่อให้เกิดความสงบ ปราศจากความสงสัย รู้แจ้ง เห็นจริง ไม่ลุ่มหลงอีกต่อไป นี้เรียกว่า อุบายเป็นเครื่องอบรมใจให้เรืองปัญญา
บุญกิริยาวัตถุหรือสิ่งเป็นที่ตั้งแห่งการบำเพ็ญบุญ ๓ ประการนี้ เป็นเพียงแนวทางอย่างย่อแห่งการประพฤติปฏิบัติ นอกจากนี้ ยังมีการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ การช่วยขวนขวายในกิจที่ถูกต้อง การให้ส่วนบุญ การอนุโมทนารับส่วนบุญ การฟังธรรม การแสดงธรรม การทำความเห็นให้ถูกต้อง ล้วนเป็นแนวทางทำความดีทั้งสิ้น สาธุชนพึงน้อมมาปฏิบัติตามสมควรแก่ภาวะวิสัยแห่งตนแล
พรรณนาความเป็นมาอานิสงส์แห่งกฐินทาน จะอำนวยพร ส่งผลคุ้มครอง ปกป้อง ผู้มีศรัทธาถวายกฐินทานให้มีความสุขความเจริญในที่ทุกสถาน ตลอดกาลทุกสมัย มีนัยดังพรรณนามาฉะนี้ ในอวสานแห่งพระธรรมเทศนา อาตมภาพ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และบุญกุศลที่ท่านผู้รับฟังได้บำเพ็ญมา จงมารวมกันเป็นตบะเดชะพลวะปัจจัย อำนวยอวยพรให้ท่านทั้งหลาย จงประสบแต่สิ่งที่พึงปรารถนา ขอจงเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ พร้อมทั้งปฏิภาณ ธนะ สารสมบัติ ทุกทิวาราตรีกาล ตลอดกาลทุกเมื่อ
อาตมภาพได้แสดงพระธรรมเทศนาพรรณนาอัตถะสาระสำคัญแห่งความเป็นมากฐินทาน ทานตามกาลสมัย และอานิสงส์แห่งทานพร้อมธรรมะเป็นเครื่องบันเทิงประกอบสัมโมทนียกถา เฉลิมฉลองสมโภชองค์ผ้าพระกฐินของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทรงโปรดประทานให้ นางนุชนาฏ อุงอำรุง รองนายกสมาคมไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้ เป็นประธานทอดถวาย แก่พระภิกษุสงฆ์ผู้จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ อาวาสแห่งนี้ พอสมควรแก่เวลา เอวํ ก็มี ด้วยประการฉะนี้ ฯ